วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

ความฝันวัยเยาว์


วิธีเตรียมตัวเบื้องต้นสำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นแอร์ฯ (สจ๊วต)





เชื่อว่าน้องๆ หลายๆ คนอยากมีป้ายชื่อแบบนี้ติดหน้าอก ^^
กว่าพี่ลูกบัวจะได้มาครบต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเลยน๊า ....
ตั้งแต่ Trainee แอร์ฯ ฝึกหัด...เด็กสุด โน๊ะ เน๊ะ สุดบนเครื่องบิน 
ต่อมาก็กลายมาเป็น Cabin Attendant บางสายการบินเรียกว่า Flight Attendant, Cabin Crew ... ก็เป็นตำแหน่งแอร์ฯ ทั่วไปที่ทำงานบนเครื่องบิน แต่ก็จะมีแยกย่อยกันไปอีกว่าทำงานที่ไหน Economy , Business Class, First Class  ส่วนใหญ่ใครๆ ก็อยากทำงานที่ First Class ไม่ใช่อยากไปเจอผู้ชายหล่อๆ รวยๆ หรอกค่ะ เพียงแต่ว่าทำงานที่ First Classนั้นมันสุดแสนจะสบาย ผู้โดยสารน้อย กินก็ไม่เยอะ ลูกเรือที่ให้บริการบน Class นี้สังเกตุดีดีจะอวบอิ่มแทบทุกคน อิอิ เพราะอาหารดีดีเยอะ ผู้โดยสารไม่กินแอร์ฯ กิน เช่น ไข่ปลาคาร์เวีย ตับห่าน ปลาแซลมอล กุ้งมังกร ของพวกนี้อยู่บนเครื่องกินทิ้งกินขว้างได้สบาย (แต่พอไปร้านอาหารนี่ให้สั่งไม่สั่งนะ แพงเสียดายเงิ๊น)
จากนั้นก็เลื่อนขึ้นมาเป็น Cabin Senior บางสายการบินเรียกว่า Purser เริ่มเป็นหัวหน้าคนละ ... จากที่เคยถูกจิก ก็จะรับหน้าที่เป็นผู้จิกคนอื่นแทน อันนี้เห็นคนอื่นเค้าทำกันน่ะ แต่กล้าพูดแบบเต็มปากเลยว่าระดับพี่ลูกบัวเนี่ยไม่เคยจิกใครค่ะ รู้สึกไม่ชอบวิธีการจิกใช้ จิกด่ามาตั้งแต่ไหนแต่ไร แบบว่าหากโดนใครจิก จะไม่ชอบ ดังนั้นอะไรที่เราไม่ชอบ ไม่อยากให้ใครทำกับเรา เราก็จะไม่ทำกับคนอื่นๆ เช่นกัน
ทำงานดีดี สวยๆ อยู่แป๊บเดียวก็ได้เลื่อนขั้นเป็น Cabin Service Director หรือบางสายการบินเรียนกว่า Inflight Manager, Supervisor หรืออะไรก็แล้วแต่ ความหมายเหมือนๆ กันค่ะ ซึ่งก็คือตำแหน่งที่ใหญ่สุดของแอร์ฯ สจ๊วตบนเครื่องบินละ หลังจากตำแหน่งนี้เค้าจะมีคำพูดบอกกันว่า If you want to grow up, You have to go down แปลง่ายๆ ก็คือ หากอย่างอยู่สูงกว่าตำแหน่งนี้ ก็ต้องลงมาทำงานด้านล่าง บางคนเค้าก็ไม่ลง เป็นแอร์ฯ ค้างฟ้า เพราะงานบินมันชิลล์ ไฟล์ทจบ งานจบ แต่หากมาทำงานด้านล่างเช่นเป็น Instructor, Trainer อะไรพวกนี้ก็เหมือนกับว่าต้องมาทำงาน Office ซึ่งหลายๆ คนที่ทำอาชีพแอร์น จะไม่ชอบอยู่แล้ว
สำหรับน้องๆ ที่อยากเป็นแบบนี้บ้าง...วันนี้แวะมาแนะนำการเตรียมตัวเบื้องต้นแบบสั้นๆ 
ฝันให้ไกล ไปให้ถึง อยากเป็นแอร์ฯ ก็ต้องเตรียมความพร้อม
1. เรียนให้จบ ป.ตรี จะสาขาไหนก็ได้ค่ะ ไม่มีระบุไว้อยู่แล้ว .... บางสายการบิน รับแค่วุฒิ ม.6 แสดงว่าไม่ต้องเรียนจบ ป.ตรีก็เป็นได้ แต่อยากให้น้องๆ เรียนให้จบ ป.ตรี แล้วค่อยสมัคร อย่างน้อยอีกหน่อยไม่ทำอาชีพแอร์ฯ ก็ออกมาประกอบอาชีพอย่างอื่นได้ 99% ของแอร์ฯ สจ๊วตคนไทยที่รู้จักจบ ป.ตรี เป็นอย่างต่ำค่ะ เอาไว้ใกล้ๆ จบเทอมสุดท้ายค่อยลองสมัครก็ได้ค่ะ
2. เตรียมความพร้อมทางด้านภาษาอังกฤษ หากมีเงินก็ไปเรียนซัมเมอร์เมืองนอกบ้างอะไรบ้าง หรือจะหาทุนพวกทำงานไปด้วยเรียนไปด้วยก็จะดีมาก หากไม่มีเงิน ไม่มีโอกาส ก็ฝึกเอง ดูหนัง ดูทีวี ดูข่าว BBC CNN บ้างอะไรบ้าง อย่าดูแต่ซีรีย์เกาหลี หรือมัวแต่นั่งเพ้อฝัน
3. ภาษาที่สาม หากมีเวลาว่างก็เรียนไปเหอะ เป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับตัวเอง ... 
4. กวดวิชาเตรียมพร้อมการเป็นแอร์ฯ จำเป็นไหม....หากมีเงินเหลือ ก็เรียนไปเหอะ แต่หากไม่มีเงินเยอะแยะแบบนั้น โดยส่วนตัวคิดว่าไม่จำเป็นที่จะต้องไปเสียเงินหลายหมื่นเพื่อไปติวค่ะ แนะนำว่าให้ลองหาพวกคอร์ส intensive หลักพันแล้วไปเรียนดีกว่าค่ะ ได้เรียนหลายที่ ได้เพื่อนๆ หลายกลุ่ม ได้ความคิดวิธีการหลากหลาย เรียนที่ไหนดี อันนี้ไม่กล้าแนะนำ เอาเป็นว่าตัดสินใจจากปัจจัยหลายๆ ด้าน บางแห่งมีจำนวนเด็กนักเรียนสอบได้เป็นแอร์ฯ เยอะมาก แต่จำนวนนักเรียนที่สอบไม่ได้ก็เยอะมากๆ เหมือนกัน (แต่ไม่มีที่ไหนออกมาเปิดเผยหรอก) .... อย่าเชื่อแค่คำโฆษณา หากมีเพื่อนๆ เรียนอยู่ ก็ให้ถามๆ กันคุยกันเองดีกว่าค่ะ ว่าที่นั่นดีไหม ดูแลดีหรือเปล่า สอนดีไหม ฯลฯ จะได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือได้มากกว่า
5. หน้าตาไม่สวย ไม่ใส ก็ค่อยๆ แก้นะคะ ... จมูกแบน หน้าบาน ไม่ใช่ปัญหา หากอยู่ภายใต้องค์ประกอบว่าดูรวมๆ แล้วดูดี สำคัญมาก อย่าให้มีสิว สิวเต็มหน้า หรือปูดออกมาเม็ดใหญ่ๆ ถึงแม้จะแค่สองสามเม็ดก็ไม่โอเคค่ะ ^^"
6. ฟันเก ฟันซ้อน ฟันกระต่าย มีเคี้ยว ... จัดฟัน ดัดฟัน ฟอกฟัน โดยด่วน จำเป็นมาก แอร์ฯ สจ๊วต หน้าตาไม่สวย ไม่หล่อ เห็นมาเยอะ แต่ขอโทษนะ ฟันเหยิน ฟันดำ ฟันเหลือง นี่ไม่เคยเห็นค่ะ เดี๋ยวนี้มีวิธีทำให้ฟันสวยกันเยอะ หากฟันไม่ได้เกเยอะจนเกินไปก็ใช้วิธีทำ veneer ดูก็ได้ค่ะ (ย้อนไปอ่านเรื่องๆ เก่าๆ ที่เขียนไว้ใน blog นี้ได้ค่ะ) ... สิ่งเหล่านี้ทำไปเหอะค่ะ ต่อให้เราไม่สามารถสอบผ่านเป็นแอร์ฯ ได้แต่มันเป็นการเสริมสร้างบุคลิคภาพของเราให้ดูดี ฟันสวย ยิ้มสวย ทำให้มีความมั่นใจ ถามว่าทุกวันนี้เรามองหน้าใครคนหนึ่งแล้วจะจำอะไรเค้าได้เป็นอย่างแรก? รอยยิ้ม ดวงตา จมูก ลูกผม หรือโหนกแก้ม 
7. รอยสัก ถือว่าเป็นแฟชั่นที่แทบทุกสายการบินไม่ชอบ ไม่ว่าจะใน หรือนอกร่มผ้า ดังนั้นอย่าสักเลย เจ็บตัวซะเปล่า

มีคำถามอะไรอยากถาม นอกเหนือจากที่เขียนไว้ และนอกเหนือจากคำถามที่มีคนเคยถามแล้ว คอมเม้นถามได้ค่ะ



                        
“ นางฟ้าบนเครื่องบิน ” ถ้าลองถามสาวๆ ทั่วโลกถึงอาชีพในฝัน เชื่อแน่นว่า 1 ใน 5 อันดับแรกที่สาวๆ อยากเป็นต้องมีอาชีพแอร์โฮสเตสแน่นนอน เพราะอาชีพนี้นอกจากจะได้แต่งเครื่องแบบสวยๆ มีสวัสดิการ รายได้ดี ยังมีโอกาสได้เห็นโลกกว้างแบบฟรีๆ ด้วย

เส้นทางการเป็นแอร์โฮสเตส
*** ถ้าอยากเป็นแอร์จริงๆก็ควรเรียน คณะมนุษยศาสตร์ สังคมศาสตร์ ศิลปศาสตร์ เอกภาษาอังกฤษ เพราะเราจะได้เปรียบพื้นฐานภาษามากกว่าคนอื่น คณะอื่น แต่ถ้าอยากทำอาชีพนี้จริงๆ จะจบมาจาก คณะไหนเค้าก็รับคะ อย่างที่สำคัญที่สุดเราควรหมั่นฝึกภาษาให้ได้มากที่สุดนะคะ


• คุณสมบัติ
คุณสมบัติตามมาตรฐานที่บริษัทกำหนดไว้เราต้องมีเบสิกก็คือ
1. เราต้องมีอายุระหว่าง 20-26 ปี จบการศึกษาอย่างน้อยปริญญาตรี
2. ส่วนสูง 160 เซนติเมตรขึ้นไป น้ำหนักก็ต้องสัมพันธ์กับส่วนสูงด้วย
3. สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรง และที่เราต้องเตรียมคือหัดว่ายน้ำ เพราะจะมีทดสอบให้ว่ายไปกลับ 50 เมตร
4. ภาษาอังกฤษต้องมีผลสอบโทอิคไม่ต่ำกว่า 600 คะแนน
5. การแต่งตัวในวันที่ไปสมัครควรแต่งให้สุภาพที่สุด ถ้าเป็นของสายการบินไทย ควรใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น
สีขาว กระโปรงสีดำ รองเท้าสีดำหุ้มข้อสูง 2 นิ้วนะค๊ะ และก็อย่าใส่กระโปรงทรงยาว
6. เรื่องทรงผม ห้ามปล่อยผมเด็ดขาด ควรจะรวบผมหรือบางทีอาจจะไปเกล้าผมที่ร้านก็ได้ แต่ไม่ต้องเอา เวอร์มากนะคะ พอดูสุภาพ หรืออาจจะแสกกลางแล้วรวบคลุมเน็ตก็ได้จ้า ถ้ามีความสามารถภาษาอื่นด้วยบริษัทจะพิจารณาเป็นพิเศษ นอกจากนั้นต้องเตรียมเรื่องบุคลิกภาพด้วย ซึ่งเราต้องอาศัยถามรุ่นพี่ๆ ที่เป็นแอร์ฯได้ว่าต้องทำยังไงบ้าง รุ่นพี่ก็จะช่วยแนะนำว่าต้องแต่งตัวไปยังไง ให้เรียบร้อยดูดีแบบไหน” เมื่อผ่านมาตรฐานตามที่บริษัทกำหนด ก็กรอกใบสมัครซึ่งเป็นภาษาอังกฤษล้วนๆ ฉะนั้นจึงต้องเตรียมตัวด้านภาษามาให้ดี ขั้นต่อไปคือการสัมภาษณ์ โดยคณะกรรมการจำนวนหลายคนอาจจะทำให้เกิดความตื่นเต้นได้ ที่สำคัญควรจะมีสมาธิและต้องเตรียมความพร้อมมาให้เยอะๆนะจ๊ะ



• การฝึกอบรม
  “สัปดาห์แรกของเราพอเข้ามาปุ๊บต้องเทรนเรื่องเวชศาสตร์การบิน 5 วัน เรียนเรื่องยา การทำคลอด คือสามารถเป็นผู้ช่วยแพทย์ได้ในกรณีที่มีแพทย์อยู่ด้วย การปฐมพยาบาลเบื้องต้น การให้ยาท้องเสีย ท้องอืด หอบกับหืดต่างกันยังไง ลักษณะโรคต่างกันยังไง เทรนตรงนี้ 5 วัน พอเสร็จตรงนี้ก็จะถูกส่งมาฝึกทางด้านความปลอดภัยของแต่ละชนิดเครื่องบิน อุปกรณ์ฉุกเฉินอยู่ตรงไหน ฝึกดับไฟก็ต้องดับไฟจริงๆ ลงน้ำก็ใช้ชูชีพ ใช้ชูชีพยังไง อยู่ยังไง รักษาความอบอุ่นกันยังไง ในกรณีที่เราต้องดำรงชีวิตอยู่ในทะเล กระเป๋ายา อุปกรณ์ฉุกเฉิน แล้ก็ค่อยฟังคำสั่งว่าเราจะไปด้วยกันยังไง ถึงตอนนี้เราจะต้องทำอย่างนี้ๆ นะ ขั้นตอนการให้บริการผู้โดยสาร ในส่วนของอาหารต้องเรียนแม้กระทั่งประโยชน์สมุนไพร โภชนาการ วิธีการประกอบอาหาร อาหารอย่างนี้ประกอบยังไง เพราะบางคนบางศาสนาผู้โดยสารอาจทานไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นมุสลิมหรือบางคนทานมังสวิรัติ ก็ต้องรู้ บางคนทานแป้งสาลีไม่ได้เพราะเลือดจะออกในกระเพาะ ก็จะมีอาหารอีกประเภทสำหรับคนประเภทนั้น รายละเอียดเยอะมาก ถ้าเป็นเครื่องดื่มอย่างเช่นในไวน์แต่ละชนิดต่างกันอย่างไร เหมาะกับอาหารประเภทไหน กิริยามารยาทก็ต้องฝึก เช่น ไม่ใช้การชี้นิ้วมือ แต่ใช้การผายมือแทน เพราะสุภาพกว่า ซึ่งตรงนี้คุณครูจะสอนมารยาทละเอียดมาก” การอบรมใช้เวลาทั้งสิ้น 8 สัปดาห์ เมื่อผ่านอบรมแล้วก็จะได้ขึ้นเครื่องจริงๆ เพื่อทดลองงาน เที่ยวบินแรกของสุตาคือพม่า เธอบอกตื่นเต้นมาก งานของเธอบนเที่ยวบินแรกคือการขึ้นไปช่วยงานบริการพี่ๆ แอร์โฮสเตสถือเป็นการสังเกตการณ์ เรียนรู้งาน ไฟลท์สังเกตการณ์จะมีทั้งหมด 4 ครั้งเมื่อบินเสร็จแล้วต้องกลับมาเข้าคลาสเรียนอีก ครูผู้อบรมจะให้แลกเปลี่ยนประสบการณ์กันว่าไปบินแล้วรู้สึกอย่างไง โดยคุณครูจะคอยเพิ่มเติมความรู้ให้ตลอด

• เส้นทางการทำงาน
 หลาย คนคงอยากรู้ว่าแอร์โฮสเตสทำงานกันอย่างไง สุตาเล่าให้ฟังว่าพวกเธอต้องมาก่อนไฟลท์ที่จะบิน 2 ชั่วโมงโดยมาพบกันที่สำนักงานกลาง ทุกคนต้องศึกษาว่าวันนี้จะบินไปที่นั่นที่นี่ เวลาต่างกันเท่าไหร่ ต้องรู้ว่ากัปตันครั้งนี้ชื่ออะไร พี่หัวหน้าแอร์คือใคร อินไฟลท์เมเนเจอร์เป็นใคร มีบริการแบบไหน มีเรื่องพิเศษอะไรบ้างมีผู้โดยสารที่จะต้องดูแลเป็นพิเศษยังไง อาหารที่เสิร์ฟ เครื่องดื่มวันนี้เป็นยังไง นอกจากนั้นทุกคนจะต้องดูวีดีโอเกี่ยวกับความปลอดภัยของเครื่องนั้นๆ ที่โดยสาร เพื่อทบทวนและมีการทดสอบกันอีกทีในห้องก่อนที่จะออกไปสนามบินด้วยกัน “แล้วเราจะต้องมาถึงเครื่องก่อนประมาณ 1 ชั่วโมง พอไปยืนบนเครื่องคราวนี้จะเป็นเรื่องของการเตรียมการทุกคนที่ได้รับหน้าที่ ว่าใครจะต้องประจำอยู่ ณ ตรงไหน ตรวจเช็กอุปกรณ์ความปลอดภัยของตัวเองให้พร้อม เปลี่ยนชุดเตรียมให้บริการ เช็กอุปกรณ์ทุกอย่าง อุปกรณ์ความปลอดภัยครบมั้ย ห้องน้ำเป็นยังไง อาหารเป็นยังไง อาหารพิเศษของผู้โดยสารที่ต้องดูแลพิเศษมาหรือยัง พอพร้อมแล้วพี่หัวหน้าแอร์ฯจะบอกว่าเตรียมรับผู้โดยสารได้เลย ทุกคนก็จะมายืนประจำเพื่อต้อนรับผู้โดยสาร” ตลอดทั้งเที่ยวบิน พวกเธอก็ต้องคอยดูแลผู้โดยสารซึ่งใช้กำลังเยอะทีเดียว ทั้งเข็นรถอาหาร เสิร์ฟอาหาร เครื่องดื่ม ดูแลความเรียบร้อย เรียกว่าต้องเดินตลอดการเดินทาง ทำงานติดต่อกันหลายชั่วโมง ฉะนั้นพวกเธอจึงต้องดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงเสมอ “ชั่วโมงบินมันนาน ตัวเราเองก็ต้องพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องความดันอากาศ อากาศที่เปลี่ยนแปลง แล้วเราต้องเดินทางอยู่บ่อยๆ เวลานอนก็ไม่เหมือนคนที่ทำงานประจำ ฉะนั้นเราต้องดูแลตัวเองดีๆ ถ้าไม่ไหวไม่สบาย หรือรู้ตัวว่าตัวเองเป็นหวัด ถ้าเป็นหวัดหูอื้อ ก็จะไม่ไป แต่ถ้ายังขืนขึ้นไปนี่อาการหูบล็อกมันอันตราย จะไม่ไปเลยนะคะ เพราะว่านอกจากไม่ดีกับตัวเองยังไปทำให้เพื่อนร่วมงานเหนื่อยขึ้นอีก ถามว่าเหนื่อยมั้ย ชินแล้ว พอกลับมาเราก็พักผ่อนเต็มที่ ทางบริษัทเขาก็จัดวันหยุดให้เรา ในการที่จะทำการบินแต่ละครั้งนี่บริษัทคำนวณไว้แล้ว เขาจะมีอัตราค่าความเหนื่อยให้ว่าเราจะต้องพักผ่อนเท่านี้เพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นทุกอย่างมันถูกควบคุมด้วยตัวของมันเองอยู่แล้ว เราก็ทำหน้าที่ควบคุมตัวเราเองอีกที เพราะบางทีเราไปในประเทศที่ร้อนจัดแล้วไปประเทศที่เย็น เราก็ต้องเตรียมตัว”

• คำแนะนำของแอร์โฮสเตส
 “สำหรับ คนที่อยากเป็นแอร์โฮสเตส ขอให้ตอบตัวเองว่าเรารักงานบริการจริงๆ หรือเปล่า เมื่อตอบได้แล้วให้หาข้อมูลให้มากที่สุด อย่าหยุดฝัน ถ้าเรารู้ว่าวันหนึ่งฝันเราเป็นจริงชีวิตมันก็คุ้มค่า อย่าหยุด อย่าท้อ อย่าคิดว่าเป็นแอร์ฯ ต้องสวยหรือเปล่า ต้องเก่งหรือมั้ย ต้องเรียนเมืองนอกหรือเปล่า อย่าไปคิดอย่างนั้น ไม่ใช่เลย ถ้าคุณมีคุณสมบัติกำหนด บริษัทก็พร้อมจะเลือก ซึ่งเขาเลือกคนดี เลือกคนที่มีความตั้งใจ”

• สิทธิพิเศษของคนเป็นแอร์
  •มีรายได้รวมสูงกว่าคนทำงานอาชีพอื่นๆ เข้ามาทำงานใหม่ๆ ก็ได้รายได้ประมาณ 40,000-60,000 บาทต่อเดือน ซึ่งจำนวนรายได้จะขึ้นอยู่กับตารางบินว่าบินระยะใกล้ไกลแค่ไหน ถ้าบินไกล และค้างคืนหลายวันก็ยิ่งได้มาก
• เดินทางไปไหนมาไหนแบบฟรี หรือได้สิทธิ์ในการซื้อตั๋วเครื่องราคาถูกมาก
• สมาชิกในครอบครัว เช่น พ่อแม่ ภรรยา หรือสามี และลูก สามารถใช้สิทธิ์เดินทางซื้อตั๋วราคาถูกหรือไปแบบฟรีได้ ถ้าไม่สบาย หรือเกิดอุบัติเหตุระหว่างการบิน สายการบินจะมีสวัสดิการประกันสุขภาพ สามารถเบิกรักษาพยาบาลได้ทุกแห่งทั่วโลกที่สายการบินมีจุดลง เป็นต้น

19 ความคิดเห็น:

  1. ได้ความรู้มากค่ะ ^^

    ตอบลบ
  2. เจ๋งไปเลย จะนำเอาไปใช้ นะค่ะ ><

    ตอบลบ
  3. เจ๋งไปเลย จะนำเอาไปใช้ นะค่ะ ><

    ตอบลบ
  4. สุดยอดดดดดดดด น่าอ่านมากๆๆๆ ><

    ตอบลบ
  5. บล็อกนี้ น่าอ่านมากกเลย ^ ^

    ตอบลบ
  6. โหหห ทั้งเก่งภาษา รูปร่างดี บวกด้วยโชคvudนิดหน่อยน้ะ อาชีพนี้รุ่งเลยยย ^^

    ตอบลบ
  7. เราก็อยากเป็น55555555 ตั้งใจเรียนเดี๋ยวก็ได้เป็น :D

    ตอบลบ
  8. ขอให้เป็นเช่นนั้น ค่อยเป็นกำลังใจให้ โคเรียแอร์แน่ๆ

    ตอบลบ
  9. ฟิตหุ่นเลย 5555 แบบ เซ็กจัด

    ตอบลบ
  10. ข้อมูลเยอะมากค่ะ

    ตอบลบ
  11. Flight attendent กับ cabin crew ต่างกันอย่างไรหรอครับ

    ตอบลบ
  12. Lucky Club Casino Site Review 2021
    Lucky Club casino was launched in 2008 and they are one of the biggest and most successful casinos in the world. The site is popular for its wide range of 🏆 Lucky Club Casino: Claim Bonus💻 Welcome Offer: luckyclub.live 100% Bonus up to $50📱 Mobile Version: Android, iPhone, Tablet💲 Bonus Code: None Needed

    ตอบลบ